หลังจากที่เปิดให้เสนอหัวข้อที่สนใจกันเข้ามา มีหัวข้อน่าสนใจๆ เยอะเลย แต่ขอเลือกอันที่มีถามกันเข้ามาเยอะที่สุดก่อนนะฮะ “ฝึกตั้นยังไงไม่ให้งอแงเวลาไปเที่ยว” จริงๆ มี้ก็ไม่ค่อยกล้าจะเขียนเรื่องนี้เท่าไร เพราะบ้านเราก็เลี้ยงตั้นกันแบบงูๆ ปลาๆ ไม่ได้มีหลักการอะไรมากมาย แต่ก็ลองพยายามนั่งนึกๆ ดู แล้ว List มาได้เป็นข้อๆ ตามนี้ แอบเกรงว่าจะไม่ถูกใจพ่อแม่หลายๆ ท่านเหมือนกัน ไม่ว่ากันนะฮะ
จริงๆ ไม่แน่ใจจะเรียกว่าสอนได้มั้ยนะฮะ เพราะไม่ใช่ว่ามาสอนกัน 1-2 อาทิตย์ อันนี้เป็นวิธีที่พ่อกับมี้ดูแลตั้นตามปกติมากกว่า
- นั่งกินข้าวให้เป็นที่
อันนี้เรื่องเบสิคเลยแต่ทำยากมาก ตั้นเองก็ใจสั่นๆ ทุกทีเวลาทานข้าวที่บ้าน อยากจะลุกไปวิ่งเล่น แล้วค่อยกลับมากินต่อ อันนี้มี้ห้ามเด็ดขาดเลย ถ้าเวลาทานข้าวนอกบ้านนี่เต็มที่ก็แค่ถอดรองเท้ายืนบนโซฟาหรือเก้าอี้ มากกว่านี้มี้ไม่ยอมเลย ต้องทานข้าวให้เสร็จก่อนแล้วอยากทำอะไรว่ากันทีหลัง แหะๆ แต่ไม่รวมถ้าอยากเข้าน้องน้ำนะฮะ อันนี้ลุกไปได้ การฝึกแบบนี้มีประโยชน์เวลาเดินทางพอสมควรไม่ว่าจะอยู่บนเครื่อง หรือไปตามร้านอาหารตั้นจะไม่ลุกขึ้นมาวิ่งไป วิ่งมาเลย
- การทำเสียงดัง หรือวิ่งเล่นในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องปกติ
คำว่าที่สาธาณะนี้ไม่ได้หมายถึงสวนสนุก หรือที่เล่นเด็กใดๆ นะฮะ ถ้าสถานแบบนั้นก็ซนเต็มที่เลย แต่หมายถึงห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่ที่วิ่งเล่น ถ้าเป็นที่ที่ผู้ใหญ่ทั่วไปเค้าเดินกัน พ่อก็ไม่ยอมให้ตั้นวิ่งเล่นหรือทำเสียงดัง รบกวนคนอื่น แต่อันนี้ต้องแยกแยะนิดนึงนะฮะ ไม่ใช่เด็กๆ ร้องไห้ไม่ได้ ถ้าน้องยังแบเบาะอยู่ยังพูดคุยไม่ได้ แล้วร้องไห้อันนี้คุณพ่อคุณแม่คงต้องพยายามหาทางพาหลบไป บริเวณที่ไม่มีคน เช่น ท้ายเครื่องบิน หรือ ไปหลบมุมบริเวณไหนก่อน ให้น้องสงบ
ไม่ใช่ว่าเด็กๆ แบบตั้นไม่ควรออกมาข้างนอกนะฮะ แต่ออกมาแล้วเราก็ต้องพยายามดูแลให้ได้ อย่างวันก่อนตั้นงอนมี้เรื่องอาหารแล้วงอแงในร้านอาหาร ร้องสองแอะ เท่านั้นโดนพ่อรวบตัวออกไปเคลียร์นอกร้านที่ไม่มีคนอื่นเลย
- เด็กๆ แบบเราไม่ได้น่ารักสำหรับผู้ใหญ่ทุกคน อย่าคาดหวังว่าเราต้องได้อภิสิทธิ์เพราะความเป็นเด็ก
เราคงต้องยอมรับความจริงข้อนี้กันว่าผู้ใหญ่หลายๆ คนที่เค้าไม่ได้มีลูก มีหลาน หรือไม่คุ้นเคยกับการมีเด็กๆ อยู่รอบข้าง เค้าจะไม่ชินกับเด็กที่มาเสียงดัง รบกวน อย่าสงสัยนะฮะว่า แค่ไหนเรียกดัง เอาเป็นว่าต่างคนต่างอยู่แต่เค้าได้ยินเสียงเราก็ไม่เหมาะแล้ว เชื่อและยอมรับความจริงเถอะฮะ ว่ามีผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ชอบเด็ก และมีคนที่เค้าก็ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่งั้นเค้าจะมีเพจที่ตั้งขึ้นมาบ่นคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ดูแลลูกเหรอฮะ แหะๆ มีคนส่งกระทู้แนวนี้มาให้อ่านทางอินบอกซ์บ่อย แถมเชียร์ให้ไปตอบด้วย แต่มี้ไม่เคยไปตอบ เพราะใจเขาใจเรา มี้ไม่ได้เข้าข้างคนที่มีลูกตลอดเวลา ลองสมมติว่า เราอดนอนขึ้นเครื่องบิน แล้วเราเจอเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกัน ตะโกนเรียกกันบนเครื่องนะฮะ อื้อหื้อ คนมีลูกอาจจะบอกว่าก็เค้าเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ต้องเข้าใจ แต่บ้านตั้นเองก็ไม่โอเคกับเรื่องแบบนี้ เราไม่โอเคกับความคิดที่ว่าก็ลูกยังเด็กคนอื่นก็ต้องเข้าใจเรา เราคิดว่าเราต้องพยายามเข้าใจคนรอบข้างด้วย เวลาขึ้นเครื่องมี้เลยพยายามหาหนังสือหากิจกรรมอะไรให้ตั้นทำ จะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่น อย่างมากก็อ้อนพี่แอร์ขอน้ำส้ม ตามสิทธิ์ที่เราขอได้ หรือขึ้นเครื่องก่อนเพราะเราเป็นเด็ก ส่วนพี่แอร์จะเอ็นดูหยิบของเล่นเด็กมาเพิ่มให้อันนี้ตั้นก็ไม่ขัดฮะ 555
- ให้อิสระในเวลาที่เหมาะสม
อ่านกันมาขนาดนี้หลายคนอาจจะเริ่มสงสัยแล้วว่าตั้นจะเก็บกดมั้ยเนี่ย ไม่ขนาดนั้นฮะ เวลาอยู่ที่บ้าน วิ่งเล่นในสนาม ไปเล่นกับเพื่อน หรือไปตามที่เล่นเด็ก มี้อนุญาตเต็มที่เลยฮะ ขอแค่รู้ที่รู้เวลาว่าทีไหนที่เราต้องไม่รบกวนคนอื่นที่ไหน เราเล่นได้ มี้กับพ่อโอเค อยู่กันพ่อแม่ลูกที่บ้านตั้นจะหัวเราะวิ่งเล่นเสียงดัง ไม่รบกวนใครอันนี้พ่อกับมี้ไม่ว่า จะวิ่งเล่น จะหัวเราะเสียงดัง จะตะโกนเสียงดัง อันนี้สามารถฮะ
- จริงจังกับการเตือน
หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่า 4 ข้อแรกจริงๆ เราก็รู้กันอยู่แล้วฮะ แต่ปัญหาที่หลายๆ บ้านมีอาจจะเป็นข้อนี้มากกว่า คือ เราอาจจะไม่ได้บอกเด็กๆ กันจริงๆ จังๆ ว่า อะไรทำได้ ทำไม่ได้ ซึ่งบางท่านอาจะบอกว่า ก็บอกแล้วนะ แต่น้องไม่ฟัง โอเค ลองสมมติว่าพวกเรานั่งอยู่บนเครื่องบินกันฮะพี่แอร์เริ่มหรี่ไฟจะให้เรานอนกันแล้ว แต่มีเด็กต่างชาติพี่น้องวิ่งเล่นไปมา ผู้โดยสารคนอื่นเริ่มทำหน้าตาเบื่อๆ แล้ว คุณพ่อของเด็กคนนั้นกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ค่อยๆ วางหนังสือพิมพ์ลงช้าๆ แล้วหันมาบอกลูกว่า Stop แล้วหันกลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ (ยังดีไม่เอาผ้าปิดตาแล้วนอน 555) เด็กๆ ก็ฟังพ่อเสร็จแล้วเล่นต่อ ทำเสียงดังเช่นเคย เราจะรู้สึกอย่างไรฮะ นี่ไงฮะ คุณพ่อเค้าบอกแล้ว
ออกตัวอีกเช่นเคยฮะ ตั้นไม่ได้หมายถึงน้องเล็กๆ ที่ร้องไห้เพราะไม่สบายตัวหรืออะไรก็ตามนะฮะ ถ้าเจอน้องเล็กๆ ที่ร้องไห้มี้อยากจะเข้าไปช่วยด้วยซ้ำ จะได้พาไปกล่อมกันหลังเครื่อง แถมด้วยฝากกด Like เพจตั้นต่อ 555 บ้านตั้นหมายถึงเด็กที่พอพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วฮะ คุณพ่อคุณแม่คงต้องจริงจังและ take action หน่อยเพื่อจะได้เป็นการสอนเด็กๆ ไปในตัวด้วย การจะบอกว่าก็เตือนแล้วบอกแล้ว แล้วจบคงไม่ค่อยเหมาะเท่าไร อย่างที่เล่าไปในข้อก่อนหน้าฮะ ถ้าตั้นร้องเสียงดังนอกบ้าน ตั้นจะโดนรวบไปคุยในที่เงียบๆ ทันที อ้อ แต่สำคัญมากๆ คือบ้านตั้นไม่มีนโยบายในการตีเด็กๆ หรือตวาดด้วยเสียงไม่ดีใดๆ ทั้งสิ้นนะฮะ พูดคุยไปเรื่อยๆ ไม่เข้าใจก็พูดจนกว่าจะเข้าใจ พากันไปคุยที่ไหนก็ไปเอาแค่ไม่รบกวนคนอื่น หิวข้าวก็ทนหิวกันไปจนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง นานๆ ไปเข้าตั้นก็เริ่มรู้แล้วฮะ ว่าแค่ไหนที่พ่อกับมี้จริงจังแล้วต้องหยุดงอแง
แหะๆ อ่านแล้วอย่าเพิ่งกลัวการพาลูกไปเที่ยวนะฮะ จริงๆ แค่เราพยายามคิดถึงใจเขา ใจเรา ทั้งคนรอบข้าง ทั้งลูกเรา ตั้นว่าพอไปไหวฮะ แล้วก็อย่างที่ออกตัวไปคือมี้กับพ่อก็เลี้ยงตั้นแบบงูๆ ปลาๆ นะฮะ ผิดถูกหรือไม่ถูกใจใครยังไงต้องขอโทษด้วยฮะ เราแค่คิดไม่เหมือนกัน
เดี๋ยวคราวหน้ามาโม้ให้อ่านกันต่อเรื่องการฝึกทานผักนะฮะ ส่วนใครเดินทางแล้วเจอแสงแดดเข้าตาน้องๆ อย่าลืมถนอมดวงตาเด็กๆ ด้วยแว่นกันแดดคุณภาพดี ที่ฮิตที่สุด ดังไปทั่วโลกนะฮะ ปลอดภัยกับดวงตาเด็กๆ ทนทาน แถมยังใส่แล้วเท่ห์ด้วย ไม่งั้น celeb เด็กๆ เค้าไม่ใส่กันทั่วโลกหรอกฮะ ของดีคุณภาพเยี่ยมจริงๆ ลองเลือกชมกันได้ที่ Facebook: Babiators Thailand นะฮะ (ขอนิดนึงนะฮะ ถึงของจะขายดี จนขาดสตอคอยู่บ้างเราก็ยังอยากโปรโมทเรื่อยๆ 555) โอเคฮะ จบทั้งบทความและโฆษณาแล้ว ขอบคุณที่ติดตามเช่นเคยฮะ
หมวดหมู่:เทคนิคการเดินทาง