เบื้องต้นเกี่ยวกับบริษัท อัลตั้น กรุ๊ป จำกัด
ชื่อบริษัทมาจากชื่อลูกชายคนโตค่ะ ตั้งชื่อบริษัทฯกันง่ายๆ แบบนี้เลย (หัวเราะ) ถ้าให้เล่าถึงตัวบริษัทฯ ของเรา เราเป็นบริษัทที่เกิดมาจากสินค้าแบรนด์เดียวคือแว่นกันแดดเด็ก Babiators ช่วยกันทำธุรกิจกันเองในครอบครัว และค่อยๆ ขยับขยายต่อมาเรื่อยๆ ค่ะ และถึงแม้ว่าจะย่างเข้าปีที่ 3 แล้วแต่เอมมองว่าเราเองยังใหม่กับธุรกิจตรงนี้ค่ะ เราเป็นผู้ขายที่เรียกได้ว่ารายเล็กมากๆ ในตลาด สินค้าใน portfolio ที่เรามีก็ยังไม่หลากหลาย ซึ่งเราก็กำลังพยายามเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่เรามีค่ะ จากเดิมมีแค่แว่นกันแดด ต่อมาก็มีบาล์มใส่ผม และเข็มขัดสำหรับเด็ก และล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วเราเพิ่งเปิดตัวสินค้าใหม่แบรนด์ชื่อ Canopy ซึ่งเป็นแบรนด์ของเราเอง จำหน่ายรถเข็นเด็กและอุปกรณ์รถเข็นค่ะ
คุณเอมอิสรีย์ สิริพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อัลตั้น กรุ๊ป จำกัด หรือที่หลายท่านอาจจะคุ้นเคยกันในฐานะมี้ของน้องอัลตั้น จากเพจ Baby Travel by Alton
ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มรู้จักแบรนด์ของเราเพิ่มขึ้นค่ะ แต่เราประเมินว่าแบรนด์แต่ละแบรนด์ของเราเองยังไม่ติดตลาดเท่าไรเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ โดยเฉพาะแว่นกันแดดซึ่งได้รับความนิยมสูงมากในต่างประเทศแต่ในเมืองไทยยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เราเลยยังมีงานต้องทำกันอีกเยอะเลยค่ะ
ซึ่งแนวทางการดำดนินธุกิจในช่วงที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ก็พยายามมุ่งเน้นความแตกต่างในการเลือกแบรนด์และการทำตลาดมาตลอดค่ะ อย่างแว่นกันแดดที่เป็นสินค้าหลักของเราก็เป็นสินค้าที่ตอนเรานำเข้ามายังไม่มีใครที่ถือส่วนแบ่งตลาดในเมืองไทยอย่างชัดเจน เราก็พยายามสร้างอุปสงค์ขึ้นมา ซึ่งก็ไม่ได้ยากนักเพราะคุณภาพของตัวสินค้า และชื่อของแบรนด์เองที่ค่อนข้างติดตลาดในเมืองนอกอยู่แล้ว เรียกเราโชคดีมากค่ะที่ได้เป็นตัวแทนสินค้าแว่นกันแดดแบรนด์นี้ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทฯ เรา
น้องอัลตั้น CEO ตัวน้อยของบริษัทฯ ผู้ที่มีหน้าที่สำคัญในการช่วยเลือกสินค้า “ถ้าตั้นไม่ใช้ มี้ไม่ขาย”
ตัวบาล์มใส่ผม Hip Peas เองก็เป็นสินค้าใหม่สำหรับตลาดในเมืองไทย หรือเข็มขัด Myself Belts ก็เป็นเข็มขัดที่มีความแตกต่างจากเข็มขัดทั่วไปมีการจดสิทธิบัตรเพื่อให้สินค้าได้เปรียบในการแข่งขัน รถเข็นก็พยายามเน้นในเซคเมนต์ที่ยังไม่ค่อยมีการแข่งขันสูงเท่าไร
เรียกว่าเราพยายามทำตัวเองให้ Unique จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการแข่งขันมากจนเกินไปค่ะ ซึ่งวิธีการเลือกสินค้าที่แตกต่าง มีประโยชน์กับผู้ใช้ ส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ใช้ และเด็กๆ ใช้ได้จริง ก็จะยังเป็นแนวทางในการคัดเลือกสินค้าเพื่อขยายธุรกิจของเราต่อไปเรื่อยๆ ใน 1-2 ปีนี้ค่ะ
ตัวอย่างสินค้าของบริษัทฯ ในปัจจุบัน – แว่นกันแดด Babiators ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ส่วน บาล์มใส่ผมเด็ก Hip Peas และ เข็มขัด Myself Belts เพิ่งเปิดตัวทำการตลาดได้ไม่นาน
มองธุรกิจสินค้าเด็กปีหน้าอย่างไร
คาดว่าน่าจะเหนื่อยค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ ปีนี้ก็เหนื่อยแล้ว แต่ปีหน้าเหนื่อยกันมากกว่าเดิมแน่นอน ผู้ขายคงต้องปรับตัวกันเยอะเลย
สาเหตุหลักที่จะทำให้เหนื่อยก็น่าจะมาจากธุรกิจออนไลน์ ที่จะยากขึ้นไปกว่าเดิม และเริ่มจะไม่ยั่งยืนแล้ว เวลาเราเปิดโซเชียลมีเดียต่างๆ ตอนนี้จะพบว่าตอนนี้มีร้านค้าออนไลน์ที่ขายสินค้าแม่และเด็กอยู่เต็มไปหมด ทั้งเจ้าของแบรนด์เอง ร้านตัวแทน ร้านนำเข้า ซึ่งผู้ขายก็มีตั้งแต่ที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ไปจนถึงคุณแม่ที่เปิดร้านออนไลน์เป็นงานอดิเรก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาการเปิดช่องทางการขายสินค้าในโซเชียลมีเดียทำได้ค่อนข้างง่าย ถ้าผู้ขายมีไอเดีย มีข้อมูลสินค้า มีแหล่งที่มาของสินค้าที่จะนำมาขาย กรอกข้อมูลนิดเดียว เปิดเพจ ยิงโฆษณา ก็เริ่มขายสินค้าได้แล้ว ซึ่งตรงนี้มันเริ่มนำมาซึ่งอุปทานที่ล้นตลาดขึ้นเรื่อยๆ แข่งกัน bid โฆษณา แข่งกันนำเสนอสินค้า
ในขณะที่กำลังซื้อดูจะสวนทางลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้เอง (2559) คุณพ่อคุณแม่หลายท่านดูเหมือนจะยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจอยู่ การใช้จ่ายก็เลยต้องเลือกมากขึ้น ผู้ขายยิ่งต้องใช้ความพยายามในการนำเสนอสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อแข่งกันให้ขายสินค้าได้
แถมในช่วงปีที่ผ่านมาหลายๆ ร้านเจอการปรับ algorithm ในการแสดงผลของโซเชียลมีเดียเข้าไปอีก ร้านค้าโพสต์ขายสินค้าไปบางครั้งแทบไม่มีคนเห็น ร้านเลยต้องลงทุนทำโฆษณา พอลงทุนทำโฆษณากันเยอะๆ แต่ไม่สามารถสร้างความแตกต่างหรือหาจุดเด่นในการโฆษณาได้ ต้นทุนการโฆษณาก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่คุ้มค่าและทำให้หลายร้านถอดใจเลิกทำธุรกิจไปก็มี
การออกบูธในงานอีเว้นท์แม่และเด็กถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักของทางบริษัทฯ
นอกจากนี้พวกผู้ค้าปลีกรายใหญ่ๆ เองก็มีการปรับตัวเพื่อมาแข่งขันมากขึ้นค่ะ ปีหน้าเราคงได้เห็นร้านออนไลน์ของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่แข่งขันกันมากขึ้น หรือได้เห็น Platform ออนไลน์ใหม่ๆ หรือแอพพลิเคชั่นที่ให้แบรนด์เอาสินค้าแม่และเด็กไปลงขายเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่ง platform เหล่านี้จะมาพร้อมกับโปรโมชั่นแรงๆ เช่น ให้ผู้ค้าส่งฟรี มีส่วนลดเงินสด หรือคิดส่วนแบ่งการขายที่ต่ำลง เพื่อดึงดูดผู้บริโภคและผู้ขายให้เข้าสู่ platform ดังกล่าว
นี่ยังไม่รวมถึงพวกเว็บไซต์ขายของจากเมืองนอกที่เริ่มทำให้ตลาดในทวีปเชื่อมต่อกันมากขึ้นนะคะ คุณพ่อคุณแม่หลายคนเองก็คงเริ่มสั่งซื้อของจากเว็บไซต์จากประเทศจีนที่มีการจัดส่งให้ถึงเมืองไทยฟรี เอมก็สั่งบ่อยเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ) แถมสินค้าบางอย่างไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าด้วยเพราะมูลค่าสินค้าที่สั่งไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี สินค้าอะไรที่ร้านค้าเคยสั่งมาขาย ลูกค้าเองก็สามารถเข้าถึงสินค้านั้นได้เหมือนกันค่ะ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ต้องไปเดินตลาดนัดกันเลยทีเดียว เข้าเว็บไซต์ก็สั่งของมาส่งถึงบ้านได้ในราคาที่ใกล้เคียงกัน
จากปัจจัยที่เล่ามาทั้งหมดเอมมองว่าสุดท้ายแล้วในปีหน้า หรือในอนาคตอีกไม่นานร้านค้าออนไลน์ โดยเฉพาะรายย่อยๆ อาจจะมีจำนวนลดลง เพราะทนการแข่งขันที่สูงมากไม่ได้หรือไม่สามารถที่จะแข่งขันกับผู้ค้ารายใหญ่ๆ ซึ่งได้เปรียบทางความชำนาญ ช่องทางการขาย การเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ และต้นทุนในการบริหารจัดการค่ะ แบรนด์เล็กๆ อย่างของเอมเองหรือร้านค้าออนไลน์เองคงต้องหาทางปรับตัวกันพอสมควรเลย
มีแนวทางในการปรับตัวหรือเตรียมพร้อมสำหรับปีหน้าอย่างไรบ้าง
ทางบริษัทฯ เราคุยกันเองภายในมาตลอดค่ะว่าเราต้องเตรียมตัว ต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ปีหน้า เพราะบริษัทฯ เราเองทั้งอยู่ในช่วงที่พยายามจะเพิ่มความหลากหลายของสินค้า แล้วก็ต้องดิ้นรนหาทางให้แบรนด์เดิมที่มีอยู่โตไปด้วย โชคดีอย่างนึงคือเราวางโครงสร้างของบริษัทฯ เอาไว้ lean มากๆ เราเน้นการ outsource แทบจะทุกอย่างที่เป็นไปได้ ทำให้เรามีต้นทุนที่ไม่ค่อยสูง และทำให้บริษัทฯ เรามีความ flexible สามารถปรับตัวได้ค่อนข้างเร็ว ยกตัวอย่างเช่น เราคุยเรื่องโปรโมชั่นกับคู่ค้ากันวันนี้ พรุ่งนี้เรา launch เลยก็ได้
ตัวอย่างภาพจากแคมเปญการตลาดในปี 2559 ซึ่งเน้นด้านการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของแบรนด์
ทางบริษัทฯ เองวางแนวทางเพื่อทำธุรกิจในปีหน้ามาได้ซักพักแล้วค่ะ แล้วเพิ่งมีการปรับกันไปอีกทีเมื่อปลายเดือนตุลาคมอีกครั้ง เรายังคงเน้นให้ความสำคัญกับคู่ค่า ร้านตัวแทนที่ทำธุรกิจกับเรามาตลอด และเราก็จะพยายามเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าให้หลากหลายขึ้น ในสินค้าที่เรามีสิทธิ์ที่จะขายในต่างประเทศด้วยเราก็คงให้ความสำคัญกับส่วนนั้นมากขึ้น นี่สามเดือนสุดท้ายของปีเดินทางกันตลอดเลยค่ะ ทั้งเรื่องขยายช่องทางการขาย ทั้งเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือ SKU ใหม่ๆ ของผลิตภัณฑ์เดิมที่จะนำเข้ามาเพิ่มเติม เราเตรียมพร้อมสำหรับปีหน้าเต็มที่ค่ะ
ปี 2560 Babiators จะเน้นการทำการตลาดในรูปแบบใหม่ๆ มีความตื่นเต้นมานำเสนอ และเพิ่มการทำการตลาดในต่างประเทศด้วย
ช่องทางออนไลน์จะยังเป็นช่องทางนึงในการขายสินค้าค่ะ แต่คงไม่ใช่ช่องทางหลัก เราคงใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์ในการสื่อสารเกี่ยวกับแบรนด์มากกว่า แล้วเราก็จะพยายามเพิ่มพันธมิตรให้มากขึ้นค่ะ คงมีการทำตลาดร่วมกันสินค้าและบริการแม่และเด็กอื่นๆ มากขึ้น พยายามทำกิจกรรมเพื่อทำให้แบรนด์ที่เรามีใน Portfolio เป็นที่รู้จักมากขึ้นค่ะ และสุดท้ายคือคงต้องพยายามติดตามข่าวสาร กฎหมาย สิทธิทางภาษีอะไรต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้ค้ารายเล็กๆ อย่างเราได้ประโยชน์ค่ะ
หมวดหมู่:ไม่มีหมวดหมู่