รีวิวนี้ตั้นพานั่งเครื่องบินของ JAL จากกรุงเทพไปเปลี่ยนเครื่องที่โอซาก้าแล้วบินต่อไปที่ Sapporo ฮะ
Flight ที่เราบินคือ JL 728 ออกจากกรุงเทพฯ ตอนห้าทุ่มไปถึงโอซาก้าตอนเช้า 6.30 น. แล้วรอขึ้นเครื่อง JL 2501 เวลา 9.30 น. ไปถึงซัปโปรโร (สนามบินนิวชิโตเสะ) ตอน 11.20 น.
หรือสรุปแบบสั้นๆ คือ บินจากกรุงเทพฯ ไป 5.30 ชั่วโมง ไปพักที่โอซาก้า 3 ชั่วโมง แล้วบินต่ออีก 1.50 ชั่วโมง (ตามตาราง แต่บินจริงๆ แค่ 1.30 ชั่วโมง) ไปถึงซัปโปโรฮะ ลองมาดูกันว่าทำไมบ้านตั้นเลือกบินไฟลท์นี้ แล้วทำไมเลือกไปเปลี่ยนเครื่องที่โอซาก้า
เริ่มกันที่เคาเตอร์เชคอินของ JAL ที่สุวรรณภูมิ บ้านเรามาถึงสนามบินประมาณ สองทุ่ม ซึ่งก็คือ 3 ชั่วโมงก่อนเครื่องออก ที่เราเลือกบินอ้อม ไม่ได้บินตรงเพราะราคาโปรของ JAL งดงามมากๆ ฮะ
เหตุผลนึงที่มาถึงสนามบินตั้ง 3 ชั่วโมงก่อนเครื่องออกเพราะ มี้แพลนให้เตอร์หลับในรถระหว่างนั่งมาสนามบินฮะ เตอร์หลับไปตอนประมาณทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเวลานอนปกติของเตอร์ทุกวัน แล้วมาตื่นประมาณ 2 ทุ่มนิดๆ ตอนกำลังจะเชคพาสปอร์ต มี้หวังว่าเตอร์จะได้ไปง่วงอีกทีตอนขึ้นเครื่องบิน
พร้อมลุยฮะ ทริปนี้เราไปกัน ประมาณ 8 วัน ไปกันบ้านเราสี่คนและมีอากงอาม่ามาเที่ยวด้วย
ระหว่างเดินไปที่เลาจน์ผ่านเคาเตอร์คิงพาวเวอร์แวะรับของที่ซื้อไว้เล็กน้อย เตอร์ตื่นได้แปปนึง ตั้นเลยมาเนียนนั่งรถเข็นน้อง ทริปนี้ตั้นมีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ด้วยฮะ พ่อให้เป็นคนช่วยถือกล้องวีดีโอ
เลาจน์ของ JAL นี่จริงๆ บ้านตั้นพามาชมหลายทีแล้ว แต่ตั้งแต่เค้าทำใหม่เมื่อช่วงต้นๆ ปี 2017 ยังไม่เคยลองมาใช้บริการเลย ลองมาดูกันฮะ ที่ตั้งจะอยู่ที่เดิมบริเวณสุด gate D
ใครมีข้าวของเยอะแยะไม่อยากถือเข้าไปในเลาจน์ เอามาฝากลอคเกอร์ด้านหน้าได้
เลาจน์ JAL ที่สุวรรณภูมิมีห้องอาบน้ำให้บริการด้วยฮะ ไม่เหมือนกันที่โอซาก้าขากลับที่ตั้นจะบินกลับ ที่นั่นจะไม่มีห้องอาบน้ำ ใครแพลนไปอาบน้ำ ต้องไปใช้ห้องอาบน้ำสาธารณะในสนามบินแทนนะฮะ
บรรยากาศภายในเลาจน์ ดูกว้างขวางและโปร่งขึ้นกว่าเดิม
หนังสือพิมพ์มีให้อ่านทั้งไทยและญี่ปุ่น
มาดูเคาเตอร์อาหารกันบ้าง
อาหารเป็นแนวญี่ปุ่นเลยฮะ มีข้าวแกงกะหรี่จากร้าน Nippon Tei ด้วย
ขนมก็มีให้เลือกพอสมควร
ชากาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีครบ
น้ำผลไม้เครื่องดื่มอื่นๆ น้ำอัดลม
ใครอยากไปขึ้นเครื่องบินยกมือขึ้น!
พี่เค้าประกาศเรียกขึ้นเครื่องแล้ว เราไปที่ Gate กันเลยดีกว่า ว่าแต่ทำไมของตั้นเยอะขนาดนี้
ตั้นบินเครื่อง Jal ฮะ ไม่ได้มาผิด gate เข้าใจว่า Jal เค้าให้พี่ๆ การบินไทยช่วยดำเนินการให้ เยี่ยมเลย
ฝากรถเข็นเตอร์ไปลงใต้ท้องเครื่องแล้ว เราก็ไปขึ้นเครื่องกันเลย
เก้าอี้เครื่อง 787 ของ Jal จัดเป็นแบบ 2 2 2 มีสองที่นั่งแบบนี้ตั้นเลยขอนั่งกับมี้ เตอร์ยังไม่สองขวบก็นั่งเก้าอี้เดียวกับมี้ ส่วนพ่อหลุดไปนั่งด้านหลังคนเดียว อากงอาม่านั่งอีกฝั่งนึงของเครื่อง
ขึ้นเครื่องมาก็มีเมนูอาหารวางรออยู่ แล้วพี่แอร์จะเดินมาถามว่า เวลาเสิร์ฟอาหารถ้าหลับจะให้ปลุกมั้ย แล้วอยากรับอาหารฝรั่งหรือญี่ปุ่น ไฟลท์นี้บินแค่ 5 ชั่วโมงครึ่ง ทาง Jal เค้าเลยจะเสิร์ฟอาหารตอนประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนเครื่องลง หรือก็เป็นเวลาประมาณ ตี 3 กว่าๆ บ้านเราฮะ บ้านตั้นเลยแจ้งว่าถ้าหลับไม่ต้องปลุก แต่ถ้าตื่นขออาหารญี่ปุ่น
Amenity Kit ที่วางไว้ให้ในถุง มีแผ่นปิดตา ที่อุดหู แผ่นมาสก์ตา และแปรงสีฟันกับยาสีฟัน (คุ้นๆ ว่าในห้องน้ำก้มีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน และน้ำยาบ้วนปากวางไว้ให้หยิบใช้อีก)
ผ้าห่มสำหรับ Business Class จริงๆ พี่แอร์เดินแจกเสื้อคาดิแกนให้ใส่บนเครื่องเผื่อใครหนาวด้วยฮะ แต่ไม่ทันได้ใส่เลยไม่ได้ถ่ายมา
เก้าอี้กว้างขวาง มีช่องใส่ของมากมาย ช่องใส่ขวดน้ำ ที่เสียบ usb ที่ชาร์จไฟครบถ้วน
เครื่อที่บินไฟลท์นี้เป็นรุ่น 787 (dreamliner) ฮะ เลยจะไม่มีที่ปิดเปิดหน้าต่าง แต่จะมีปุ่มปรับความมืด ความสว่างแทน ถ้ากดให้มืด ก็จะมืดลงไปคล้ายๆ กับเวลาเราปิดหน้าต่าง
ก่อนเครื่องขึ้นไม่ได้มีเสิร์ฟเครื่องดื่ม หรือบ้านตั้นขึ้นมาช้าก็ไม่แน่ใจ ระหว่างรอเครื่องขึ้นก็มาดูระบบเอนเตอร์เทนของ JAL กัน หนัง ละคร การ์ตูน เกมส์มีครบฮะ
ลองกดเข้ามาดู eBooks มีการ์ตูนให้อ่านด้วย สมเป็นเครื่องญี่ปุ่นจริงๆ
เมนูอาหารและเครื่องดื่มฮะ อาหารเช้าสามารถเลือกได้ว่าอยากรับอาหารญี่ปุ่นเป็นเบนโตะ หรืออาหารฝรั่ง พวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสามารถขอพี่แอร์ได้ตลอดเวลาที่ให้บริการ
แต่ที่สังเกตคือไม่ได้มีเสิร์ฟ อาหารทานเล่นตอนเครื่องขึ้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะมีเดินแจกน้ำกับ snack นิดหน่อยฮะ
ตั้นหลับไปตั้งแต่เครื่องกำลังไต่ระดับขึ้นฟ้าฮะ เตอร์ก็หลับ แต่อีกแปปนึงมีตื่นมาบ่่นๆ หามี้นิดหน่อย ก่อนจะหลับต่อ ไฟลทืนี้ตั้นหลับยาวจนเครื่องลงฮะ ส่วนเตอร์มีตื่นๆ เรื่อยๆ แล้วก็หลับต่อ
เก้าอี้ Business Class ของ JAL เป็น flat นะฮะ แต่เหมือนจะไม่ได้ราบขนานกับพื้นเหมือนเก้าอี้ของการบินไทยรุ่นใหม่ๆ หรือเก้าอี้ของ Jal เอง ในเครื่องที่แต่งเป็นแบบใหม่ (Sky Suite) เวลาพ่อหรือมี้นอนก็จะตัวเอียงๆ ไหลๆ ลงนิดนึง
ของเล่นที่แจกให้เด็กๆ บนเครื่อง ของตั้นเป้นช้อนส้อม ของเตอร์เป็นเครื่องบินเล็ก อันนี้รูปจากขากลับนะฮะ ขาไปลืมถ่ายไว้ ขาไปคุ้นๆ ว่ามี้เลือกเป็นเครื่องบินพลาสติคลำเล็กให้
เครื่องขึ้นแล้วไม่ได้มีเสิร์ฟอะไร พ่อเลยขอโซบะมาลองทานกับแชมเปญ
น่าทานมั้ยฮะ ทานเสร็จเราก็หลับกันยาวรอเครื่องลงแล้ว มี้ตื่นก่อนเครื่องลงพอสมควร แต่พ่อกับตั้นหลับยาวเลย
เครื่องลงที่โอซาก้าตามกำหนดเวลา 6.30 เราก็ต้องขึ้นรถไฟจากเกต มาตรวจพาสปอร์ต รับกระเป๋า เน้นว่ารับกระเป๋านะฮะ ขาไปญี่ปุ่นถ้าเปลี่ยนเครื่องเราต้องรับประเป๋าของเรามาผ่านศุลกากรเอง แล้วก็ออกมาด้านนอกในตัวอาคาร เหตุผลที่เราเลือกมาเปลี่ยนเครื่องที่โอซาก้าแล้วเผื่อเวลารอเครื่องต่อไปไว้ตั้ง 3 ชั่วโมง เพราะกลัวเครื่องขามาดีเลย์ (ซึ่งปกติ JAL แทบไม่ค่อยดีเลย์เลย) กลัวเวลาตรวจพาสปอร์ตคิวยาว (ซึ่งปกติมาเครื่อง JAL คนส่วนมากเป็นญี่ปุ่น เค้าต่อคนละแถวกับเรา แล้วสนามบินโอซาก้าคนจะไม่เยอะเท่าไร ตอนเช้าๆ แต่อาจจะแล้วแต่วันด้วย) แล้วก็กะว่าเดี๋ยวเตอร์จะง่วงอีกทีตอนไฟลท์ต่อด้วย
ส่วนที่เลือกมาสนามบินโอซาก้าเพราะพ่อจำได้ว่า International arrival (ที่เราบินมา) กับ Domestic (ที่เราจะบินต่อ) อยู่อาคารเดียวกัน ผ่านศุลกากรออกมา ก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้น Domestic ส่งกระเป๋าให้พี่พนักงานก็เสร็จแล้ว เพราะเรามี Boarding pass มาจากตอนเชคที่กรุงเทพแล้ว แค่รับกระเป๋าใส่รถเข็นแล้วผ่านศุลกากรขึ้นลิฟท์ มาไม่ได้ลำบากอะไร ถ้าเดินทางแบบนี้ดูแล้วสะดวกก็ลองดูนะฮะ ราคาบางช่วงจะถูกกว่าบินตรงเยอะมาก
สิ่งที่แปลกจากปกติที่เราคุ้นเคยกันคือพี่พนักงาน JAL ขอเก็บรถเข็นเตอร์ไปโหลดเลย แล้วเอารถเข็นของสายการบินมาให้ตั้นใช้ กลายเป็นว่าเตอร์ชอบรถเข็นแบบนี้ฮะ พอขึ้นก็ขอนั่งเอง
มี้ก็ งง เข้าใจว่าเพราะสูงกว่ารถเข็นของเตอร์แล้วมองอะไรได้ทั่ว ซึ่งส่วนมากตามสนามบิน ตามห้างที่ญี่ปุ่นมีรถเข็นแบบนี้ให้เตอร์ใช้นะฮะ สะดวกดี
ถ้าเราสื่อสารกันไม่ผิด domestic ที่นี่ ถึงบิน Business Class ก็ไม่มี Lounge ให้ใช้บริการ (ถ้าบ้านตั้นเข้าใจผิด ฝากแจ้งหน่อยนะฮะ เดี๋ยวแก้ให้ เพราะขากลับจากซัปโปโรมาโอซาก้า ที่ซัปโปโรก็มีเลาจน์สำหรับคนยินในประเทศ) บ้านเราเลยเดินเล่น เดินช้อปปิ้งในสนามบินโอซาก้า เริ่มจากร้าน Pokemon ก่อนเลย มี้หันมาอีกทีตั้นไปโผล่หน้าตู้หมุนไข่แล้ว 555
ด้านหลังร้านโปเกม่อนเป็นอาณาจักรตู้กาชาปองฮะ ใครชอบหมุนไข่มาลุยกันได้เลย
ถ้าขึ้นไปชั้นบนของสนามบินก็มีร้านที่เปิดแต่เช้าให้เดินช้อปปิ้งอยู่หลายร้านเหมือนกัน
ร้านอาหารก็มีเยอะฮะ แต่เดินผ่านร้านซูชิสายพาน แล้วตั้นขอทานร้านนี้ พ่อกับมี้ก็ตามใจ เพราะตั้นชอบ แล้วเดี๋ยวกลัวไปซัปโปโรแล้วไม่เจอ จริงๆ มีแพลนไว้ร้านนึงแต่เห็นว่าคิวยาวมากกลัวไม่ได้ทาน เลยเข้าร้านนี้ก่อนเลย
ก่อนเครื่องออกประมาณ 30 นาทีเราก็เข้ามานั่งรถด้านในบริเวณเกตกัน ต้องตรวจ security กันอีกทีนะฮะ
เครื่องที่จะพาเราไปซัปโปโรมาจอดรออยู่แล้ว
เราซื้อตั๋วมาเป็นแบบ Business Class ทั้งสองไฟลท์ แต่เนื่องจากเครื่องที่บินในประเทศของ Jal จะมีเก้าอี้ Business Class แบบในรูปฮะ เก้าอี้จะกว้างกว่า economy เล็กน้อย และจะเอนนอนไม่ได้ จะเอนหลังได้แค่นิดนึง คล้ายๆ Premium Economy ที่เราคุ้นเคยกัน เก้าอีจะจัดเป็นแบบ 3 3 เตอร์ไม่มีที่ก็นั่งตักมี้กับพ่อสลับกัน พอเครื่องขึ้นเตอร์ก็หลับอีกตามเคยฮะ ตื่นอีกทีก็เครื่องจะลงแล้ว
เครื่องกำลังจะขึ้นพี่แอร์เอาของเล่นมาให้เตอร์กับตั้นอีกแล้ว ได้เครื่องบินแบบพับมาคนละลำ อ้อ ลืมบอกไป flight นี้มี wifi ให้ใช้ฟรีด้วยนะฮะ
บนไฟลท์จะไม่ได้มีเสิร์ฟอาหารนะฮะ มีเครื่องดื่มให้เลือกสั่งได้
บินจริงๆ แค่ประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงซัปโปโรแล้วฮะ ใครสนใจมาซัปโปโรด้วยเส้นทางนี้ลองหาตั๋ว JAL เค้าดูนะฮะ อาจจะไม่สะดวกเท่าบินตรง แต่จากที่ตั้นไปมาตั้นก็ว่าสะดวกใช้ได้ แถมได้แวะไปเดินเล่นสนามบินโอซาก้าด้วย ลองดูนะฮะ