มาเริ่มตอนแรกของทริปอเมริกากับบ้านตั้นกันฮะ รีวิวทริปนี้นอกจากจะมีที่เป็นการอธิบายเกี่ยวกับสวนสนุกแต่ละที่แล้ว ก็จะมีโปรแกรมเที่ยวในแต่ละวันของบ้านตั้นด้วย มาออกเดินทางจากสุวรรณภูมิไปพร้อมกันเลยฮะ
ทริปนี้บ้านเราเดินทางกันด้วยสายการบิน Asiana เพราะอยากไปทดลองเที่ยวเกาหลีดูบ้าง อันนี้แนะนำสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กๆ ที่จะเดินทางไกลๆ เลยคือ ลองจัดโปรแกรมแบบนี้ดู เด็กๆ จะได้หลับบนเครื่อง เราออกบินจากกรุงเทพตอนกลางคืนไปถึงเกาหลีตอนเช้า แล้วยังไม่บินต่อไปอเมริกาทันที เราขอออกไปเที่ยวเกาหลีถึงเย็นก่อนแล้วค่อยกลับมาขึ้นไฟลท์กลางคืนไปอเมริกา แพลนแบนี้เพราะหวังว่าเด็กๆ จะได้หลับบนเครื่องทั้ง 2 flights และไม่เบื่อกับการนั่งเครื่องบินนานๆ ซึ่ง ถ้าจะแพลนบินแบบนี้แนะนำสายการบินของเกาหลี หรือญี่ปุ่นนะฮะ เวลาจะค่อนข้างลงตัว แถมได้เที่ยวอีกประเทศเพิ่มด้วย
ไฟลท์วันนี้ออกตอนห้าทุ่มครึ่งฮะ มี้เลยให้นอนกันที่บ้านมาตั้งแต่หัวค่ำ ตอน 1 ทุ่ม (เวลานอนปกติของตั้นกับเตอร์ แล้วมาปลุกให้ตื่นที่สนามบินตอนใกล้ๆ สามทุ่ม หน้าตาเลยยุ่งๆ แบบในรูป จะไม่ให้นอนเลยก็กลัวจะไม่ไหว จะให้หลับยาวก็กลัวตื่นตั้งแต่เครื่องยังไม่ลง แล้วจะต้องอุ้มกันตลอดทาง
สายการบิน Asiana ที่สุวรรณภูมิจะเชคอินกันที่เคาเตอร์ K สายการบินนี้เค้าน่ารักตรงที่มีช่องเชคอินพิเศษไว้สำหรับคุณแม่ที่เดินทางคนเดียวกับเด็กๆ (อายุไม่เกิน 3 ปี) สามารถมาใช้บริการเชคอินร่วมกับสมาชิกบัตรทองได้
ผ่าน security และ immigration เข้ามาแล้วมีพี่แอร์ (น่าจะ) สายการบินตะวันออกกลาง มาแวะทักทายชวนเตอร์ถ่ายรูปด้วย คาดว่าน่าจะตลกทรงผมเพิ่งตื่นของเตอร์ 555
เข้ามาแล้วก็มุ่งหน้าไปที่เลาจน์เลย ไฟลท์นี้เราบินเป็นชั้น Business Class ของ Asiana ซึ่งทางสายการบินไม่มีเลาจน์ที่สุวรรณภูมิ ทางสายการบินแจ้งว่าสามารถใช้ Miracle Business Class Lounge เปิดใหม่ตรงบริเวณใกล้ๆ ทางออกขึ้นเครื่อง D ได้
พ่อตั้นเลยสอบถามต่อว่าใช้ของ Star alliance อื่นได้มั้ย ทางเคาเตอร์แจ้งว่าใช้เลาจน์ของ EVA ได้ ซึ่งจะต้องเดินอ้อมไปนิดนึง สุดท้ายพ่อเลยชวนไปนั่งเลาจน์ของสิงคโปร์แอไลน์แทน เพราะจำได้ว่าถ้าบิน Business Class ของเครือ Star alliance ด้วยกันจะใช้ได้ ซึ่งก็ใช้ได้จริงๆ
เหตุผลที่มาใช้เลาจน์ของสิงคโปร์แอไลน์ลองดูในรีวิวนี้ได้เลยฮะ บ้านตั้นเคยรีวิวไว้แล้วอาหารและเครื่องดื่มเค้าดีจริงๆ
https://www.facebook.com/pg/babytravelbyalton/photos/?tab=album&album_id=660309260833173
ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้ไปลอง Miracle Business Class Lounge ที่เปิดใหม่ เพราะเคยไปที่เก่าแล้วไม่ค่อยถูกใจมาก ยังไงเดี๋ยวโอกาสหน้าจะไปลองที่ใหม่แล้วเอารีวิวมาฝากกันนะฮะ เห็นมีญาติตั้นเพิ่งบินบอกว่าดีกว่าอันเก่าพอสมควร
ขอข้ามจากเลาจน์ไปขึ้นเครื่องเลยนะฮะ ตอนนั้นจำได้ว่ามี้ตื่นเต้นมากๆ จะขึ้นเครื่องแล้ว ทริปนี้ยาวที่สุดตั้งแต่มีตั้นกับเตอร์เลย
เตอเตอร์คึกคักตั้งแต่หน้า Gate มีแววว่าถ้าขึ้นเครื่องแล้วไม่หลับ มี้คงสนุกสนานแน่ๆ T__T
ส่วนพี่ตั้นมี้ไม่ค่อยห่วงเท่าไร เพราะคุ้นเคยกับการขึ้นเครื่องบินอยู่แล้ว นี่มาถึงที่ Gate ก็มาสำรวจ มาชี้ให้เตอร์ดูเครื่องที่เราจะบินกัน
ได้เวลาก็เดินขึ้นครื่องกันเฮะ พี่ตั้นพาเดินนำ พาหาที่นั่งเช่นเคย
Cabin ของ Business Class เครื่อง A330-300 ที่เราจะบินกันวันนี้จัดเป็นแบบ 2-2-2
เครื่องดูไม่ค่อยใหม่เท่าไร แต่เก้าอี้กว้างขวางพอสมควร
ขึ้นเครื่องมาปั๊ปพี่แอร์ก็เอาของเล่นมาให้เด็กๆ เป็นตัวต่อกระดาษ ให้ตั้นกับเตอร์คนละชุด
พี่ตั้นทำอะไร ของเตอร์เล่นด้วยสิ เตอร์อายุยังไม่ถึง 2 ขวบใช้ตั๋ว Infant ไม่มีเก้าอี้ของตัวเองเลยต้องนั่งกับมี้ ส่วนพ่อนั่งเก้าอี้ถัดไปมีทางเดินคั่น พ่อจะได้ลุกมาช่วยมี้ดูเตอร์ได้ ส่วนตั้นดูแลตัวเอง
เรานั่งกันแถวหน้าสุดฮะ จอทีวีเลยอยู่ติดผนังด้านหน้า
พอขึ้นมาดูข้อมูลไฟลท์ละเอียดๆ แล้วแอบตกใจ เราจะบินกันแค่ 4.30 ชั่วโมงเอง T___T ไหนพ่อบอกว่าประมาณเกือบ 6 ชั่วโมง งั้นต้องพยายามรีบนอนกันแล้ว ไม่งั้นเที่ยวเกาหลีไม่ไหวแน่นอน
บริเวณที่เก็บของด้านหน้ามีหูฟังเสียบไว้ให้กับ Safety Information และ Magazine
บินไฟลท์สั้นๆ ไปแค่เกาหลี Amenity เลยมีแค่พวกที่ปิดตา ที่อุดหู แล้วก็มีรองเท้าใส่เดินในเครื่องให้
แต่ในห้องน้ำก็มีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน หวี โลขั่นต่างๆ วางไว้ให้ใช้
มาสำรวจที่นั่งกันบ้าง รีโมทจะซ่อนอยู่ในที่วางแขน และถึงเครื่องจะดูเก่าๆ ไปบ้างแต่ก็มีทีให้ชาร์จไฟ และมีช่อง USB ให้ชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ตัวเบาะก็มีให้เลือกระบบนวดได้ (แค่เป็นคลื่นในเบาะขึ้นๆ ลงๆ นะฮะ อย่าคิดไปไกลว่าเหมือนเก้าอี้นวดจริงๆ)
3 แม่ลูกถอดรองเท้าพร้อมนอน ส่วนใครที่ถามเรื่องรองเท้าตั้นกับเตอร์เข้ามาทาง Inbox สองคู่นี้ซื้อมาจากญี่ปุ่นฮะ
เครื่องจะขึ้นแล้ว เห็นหน้าเตอร์แล้วมี้ก็แอบตื่นเต้น หวั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ทริปนี้ 18 วัน เราบินไปโซล ต่อไปแอลเอ แถมมีไปบินต่อจากแอลเอไปออลันโด้อีก มี้จะไหวใช่มั้ย 555
เอาฮะถอยไม่ได้แล้ว เครื่องจะขึ้นแล้ว ทำตามขั้นตอนที่ทำกันมาดีกว่า จับเตอเตอร์เข้าเต้าหม่ำนมก่อนเลย ระหว่างเครื่อง Take Off เตอเตอร์จะได้ไม่ปวดหู ซึ่งจริงๆ ทั้งเตอร์ทั้งตั้นก็ไม่เคยมีอาการเหมือนว่าปวดหูแต่ก็ให้เข้าเต้าไว้เผื่อ แล้วถ้าโชคดีเตอร์ก็จะหลับยาวไปเลย
เรียบร้อยฮะ เตอร์หลับคาเต้าระหว่างเครื่องขึ้น ส่วนตั้นก็คอพับไปเองตอนกำลังเทคออฟ มี้หันมาอีกทีก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว ในภาพนี่เครื่องขึ้นแล้วเลยปรับเบาะเป็นนอนยาวให้นอนกัน
เก้าอี้ของเครื่องรุ่นนี้ก็จะเอนได้สุดๆ ประมาณนี้ฮะ จะไม่ได้เอนราบได้ 180 องศา
หลับยาวๆ ไปเลยนะลูก ตั้นกอดตุ๊กตาตัวโปรด เตอร์ฟัดผ้าห่มผืนโปรด ของพวกนี้ห้ามขาดเลยนะฮะเวลาขึ้นเครื่อง ส่วนมี้เองพอเครื่องขึ้น ก็มานอนกับเตอร์แล้วก็หลับไปเหมือนกัน
ไฟลท์นี้จะเสิร์ฟอาหารมื้อเดียว ตอนแรกพ่อแพลนว่าจะกินแต่พอบอกว่าบินแค่ 4 ชั่วโมงครึ่งพ่อกับมี้เลยรีบนอนก่อนดีกว่า เราเลยมีแค่รูปเมนูมาฝากกันอาหารก็จะมีเป็นอาหารฝรั่งหรืออาหารเกาหลีให้เลือก ไว้เดี๋ยวไฟลท์หน้าเอาอาหารมาให้ชมนะฮะ
พ่อรับถั่วกับเครื่องดื่มมาก็รีบนอนเหมือนกัน กว่าบ้านเราจะตื่นกันก็โน่นเครื่องจะลดระดับแล้วฮะ ได้นอนกันไปคนละประมาณ 4 ชั่วโมง T__T ยังดีว่าเด็กๆ มีหลับมาตอนหัวค่ำก่อน
ลงมาที่สนามบินเกาหลี เดินมาผ่าน immigration ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรฮะ ยื่นพาสปอร์ตกับบอร์ดดิ้งพาสที่จะบินไปอเมริกาต่อให้พี่ ตม. ดู เพราะเราได้บอร์ดดิ้งพาสไฟลท์ต่อไปมาตั้งแต่ตอนเชคอินที่กรุงเทพแล้ว สำหรับการกรอกใบเข้าเมือง ก็กรอกว่ามาวันเดียว ที่อยู่พ่อก็เขียนไปดื้อๆ เลยว่า Transit to USA ไม่รู้ว่ากรอกแบบนี้ถูกมั้ยแต่ก็ผ่านเข้าไปได้ฮะ
เราจะมาอยู่ที่เกาหลีกันประมาณ 14 ชั่วโมงเพราะเครื่องจากเมืองไทยลงตอนหกโมง ส่วนเครื่องไปแอลเอจะออกตอนสองทุ่ม
หลังจากผ่าน ตม. และศุลกากร เราก็มาเปิดกระเป๋าถือหยิบเสื้อหนาวออกมาแต่งตัวกัน ส่วนกระเป๋าใหญ่เชคทรูไปรอขึ้นเครื่องไปแอลเอแล้วฮะ เจอกันที่โน่นเลย กระเป๋าถือจะใบอ้วนนิดนึงเพราะอากาศที่เกาหลีช่วงวันที่ไปประมาณ 0-2 องศา ลองจอนกับเสื้อหนาวเต็มกระเป๋าเลย
ตั้นใส่เสื้อกล้าม เสื้อยืดแขนยาว สเวตเตอร์และเสื้อหนาวฮะ ส่วนกางเกงใส่ลองจอน กับกางเกงขายาว แต่งเนื้อแต่งตัวเสร็จ เราแพลนจะเอากระเป๋าไปฝากที่ร้านรับฝากในสนามบินอินชอน แต่ปรากฎว่าผิดแผนฮะ ทางร้านบอกว่าไม่มีที่รับฝากแล้วของเต็ม (ตอบแบบนี้ทั้งขาไปขากลับเลย) เราเลยต้องแบกกระเป๋าที่มีพวกของใช้บนเครื่องบิน และเสื้อผ้าที่จะมาเปลี่ยนกันเย็นนี้ก่อนขึ้นเครื่องต่อเข้าเมืองไปด้วย
จากสนามบินอินชอนการเข้าเมืองก็ไม่ยากฮะ ลงมาชั้นล่างสุดแล้วเดินตามป้ายจะมาเจอสถานีรถไฟ Arex ซื้อตั๋วด้วยเงินวอน หรือบัตรเครดิต มีแพคเกจแบบครอบครัวด้วย ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีก็จะไปถึงสถานี Seoul ใจกลางเมือง
สำหรับใครที่มีกระเป๋าขึ้นรถไฟก็ไม่ต้องห่วงนะฮะ บนขวบนรถไฟจะมีที่วางกระเป๋าให้กว้างขวางพอสมควร ส่วนเหตุผลที่บ้านตั้นเลือกใช้กระเป๋าแข็งแบบลาก 1 ใบ กระเป๋าอ่อน 1 ใบ ก็เพราะว่าพ่อจะได้เอาใบอ่อนวางบนใบแข็งแล้วลากได้ มี้ต้องอุ้มเตอร์ ส่วนตั้นเดินเอง รถเข็นเตอร์เชคทรูไปเจอกันที่แอลเอพร้อมกระเป๋าใหญ่ นอกจากนั้นแล้วข้อดีอีกอย่างที่เจอหลังจากเดินทางพร้อมสองหนุ่มคือเวลาเร่งด่วนวุ่นๆ ยัดของลงกระเป๋าอ่อนจะทำได้เร็วมากๆ ฮะ 555
บนรถไฟเตอร์ขอหม่ำนมแล้วก็หลับต่อไปอีก มี้ก็นั่งหอมมือเตอร์ไปเรื่อย ร๊ากกก จริงๆ เลยลูกชายเวลาหลับเนี่ย
มาถึง Seoul Station พี่ตั้นขอแวะถ่ายรูปกับมัสคอตของรถไฟ Arex (รถไฟจากสนามบินเข้าเมือง) ซักหน่อย
ผ่านจากที่ตรวจตั๋วรถไฟออกมา ก็เจอ Locker ใส่กระเป๋า เราเลยไปจัดการเอากระเป๋าเก็บใส่ลอคเกอร์ไว้ รายละเอียดค่าใช้จ่ายดูได้ตามรูปเลยฮะ
ตอนนั้นไม่รู้ว่ามื้อไหนเป็นมื้อไหนแล้ว แต่ตั้นบ่นว่าหิวเราเลยเดินขึ้นไปบนห้าง ที่อยู่บนสถานีรถไฟ ไปหาอะไรทานกัน เหมือนว่าจะยังเช้าอยู่ ร้านอื่นๆ เลยยังไม่ค่อยเปิดเท่าไร โชคดีไปเจอ Food Court แบบต้องจ่ายเงินก่อน แล้วรอทางร้านอาหารเรียกไปรับ เราเลยกินข้าวเช้ากันที่นี่ฮะ
คนนี้ได้นอนเต็มทีุ่่สุด คึกคักตลอดทาง
ตั้นนอนน้อยลงมาหน่อย แต่ก็ยังพอมีแรง ทานข้าวเสร็จก็ขอหม่ำนมปั๊มของมี้นิดนึง วันนี้จะได้มีแรงเที่ยวฮะ
ทานข้าวเสร็จกำลังจะลงไปหา Taxi ไปเมียงดง ดันเดินไปเจอตู้หมุนไข่ซะก่อน สองหนุ่มเลยขอแวะกดคนละฟอง เตอร์นี่เรียนรู้จากตั้นเร็วจริงๆ -_-‘
ไปรอคิว Taxi ไปเมียงดงกันฮะ พ่อกับมี้ไม่ได้มาเกาหลีเกิน 10 ปีได้ ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง แต่เมียงดงอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้เราเลยแวะไปดูกัน ไม่ได้แพลนไปไหนมากเพราะบ่ายๆ เย็นๆ เราก็จะกลับไปสนามบินแล้ว แถมอากาศยังค่อนข้างเย็นด้วยกลัวเด็กๆ ไม่ไหว
Taxi มาส่งที่หน้าถนนเมียงดงเลยฮะ ลองมาดูกันว่าที่นี่มีอะไรบ้าง มี้ งง มาก เพิ่งเคยมา ทำไมร้านเครื่องสำอางเยอะขนาดนี้ ปล. ใครจะช้อปอะไร อย่าลืมนะฮะ ว่าถ้าไม่ได้จะ Load กระเป๋าเพิ่มแล้ว เราถือของเหลวขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 100 ml
ร้านเครื่องสำอาง ร้านรองเท้า เยอะมากถึงมากที่สุดใครมาช้อปที่นี่น่าจะฟินนะฮะ
ในขณะที่มี้ดูเครื่องสำอางนั้น ตั้นก็ได้กุ้งทอดมาจากรถเข็นที่ขายอยู่บนถนนช้อปปิ้งที่เราเดินกัน
ระหว่างเดินเล่นก็มีอาการเพลียๆ กันบ้างเพราะเด็กๆ นอนมาไม่เยอะเท่าไร แต่พอมี้แวะปั๊มนม แล้วเอาสตรอเบอรี่เกาหลีที่ซื้อมาล้างให้กินกัน ก็อารมณ์ดีแบบนี้เลยตื่นกันขึ้นมาทันที พอตื่นกันขึ้นมาหน่อยเราก็เลยมาเดินซื้อของกินกันต่อ ส่วนเรื่องช้อปเดี๋ยวไว้ตอนไฟลท์กลับดีกว่าจะได้ไม่ต้องหิ้วของไปอเมริกาเยอะ
Lobster ร้านนี้น่าทานมากฮะ เค้าจะโรยชีสแล้วเอาไปวางในเตาแบบในภาพ ชีสจะค่อยๆ ละลาย เยิ้มๆ ตกราคาตัวละประมาณ 400 บาท
น่าทานแค่ไหนฮะ
อร่อยแค่ไหนถามตั้นได้ฮะ จัดไปคนเดียว 3 ตัว
อาหารเกาหลีน่าทานเยอะแยะเลยฮะ แต่เราก็ไม่กล้าทานอะไรกันมาก กลัวว่าต้องบินต่อ แล้วต้องไปเที่ยวอีกหลายวัน เสร็จจากตรงนี้เราก็ขึ้น Taxi ไปเอาของใน Locker ที่สถานีรถไฟ แล้วขึ้นรถไฟไปสนามบินฮะ ปรากฎว่าบนรถไฟหลับกันอีกทั้งตั้นทั้งเตอร์ (เวลาตอนนั้นประมาณ 3 โมงครึ่งเกาหลี ซึ่งเครื่องจะออกตอน 2 ทุ่ม) มี้ก็เลยปล่อยให้หลับกันคนละชั่วโมง
ปรากฎว่าเรามาเจอเรื่องตื่นเต้นที่สนามบิน หมอกลงจัดเครื่อง Delay กันทั้งสนามบิน บางเครื่องกำหนดออกตั้งแต่เช้ายังไม่ได้บินออกเลย เราก็เลยได้มาลุ้นกันว่าเครื่องเราที่จะไปอเมริกาจะได้ออกกี่โมงกันแน่ ยังไงเดี๋ยวมาต่อตอนหน้านะฮะ ขอบคุณที่ติดตามฮะ