<img height=”1″ width=”1″ style=”display:none” src=”https://www.facebook.com/tr?id=1588984764688640&ev=PageView&noscript=1″ />
จากตอนที่แล้วที่บ้านตั้นกำลังเดินทางไปอเมริกา โดยไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี และแวะเที่ยวเมียงดง (สามารถรับชมได้ที่ลิ้งค์นี้นะฮะ https://babytravelbyalton.com/2018/01/16/usa-trip-1-asiana-flight-bkk-incheon/)
รีวิวนี้ตั้นพาไปขึ้นเครื่อง Asiana จาก Incheon (โซล) ต่อไปสนามบิน LAX ที่ ลอสแอนเจลิส
หลังจากเที่ยวเมียงดงเสร็จเราก็ขึ้นรถไฟ Arex กลับมาที่สนามบินฮะ ระหว่างทางบนรถไฟก็รีบหม่ำผลไม้ที่มีให้หมดเพราะเดี๋ยวจะเอาเข้าอเมริกาไม่ได้
ดูวิวกันได้แปปนึง ก็เผลอหลับไป เหนื่อยมาทั้งคู่ แต่มี้ไม่กล้าให้หลับนานมากฮะ กลัวขึ้นเครื่องแล้วไม่ยอมนอนต่อ
หลังจากนั่งรถไฟมาประมาณ 50 นาทีเราก็กลับมาถึงสนามบิน ซึ่งก็มาเจอจากจอทีวีในสนามบินว่าวันนี้หมอกลงจัด เครื่องดีเลย์ทั้งสนามบิน T__T ดีเลย์นี่ไม่ใช่แบบดีเลย์นิดหน่อยนะฮะ บางไฟลท์ผ่านมา 6 ชั่วโมงแล้วเครื่องยังไม่ได้ขึ้นเลย
เรามาถึงสนามบินแล้วก็แอบตกใจนิดนึง แต่ไม่เป็นไรฮะ เดินทางก็แบบนี้แหละ เรามาเที่ยวอย่าไปเครียด เดี๋ยวไปเดินเล่นในสนามบินก็ได้
รีบแจ้งไว้ก่อนเลยใครที่ไปสนามบินอินชอนไม่ว่าจะบิน Economy หรือ Business Class แล้วมีเด็กอายุไม่เกิน 3 ขวบไปด้วย เวลาเชคอิน อย่าลืมขอบัตร Fast Track เผื่อผ่าน Immigration เวลาจะออกจากประเทศนะฮะ จะได้เข้าช่อง Fast Track ได้ ไม่ต้องไปต่อแถวยาวๆ อย่างบ้านตั้นเราเชคอินมาจากที่กรุงเทพ ก่อนจะผ่าน immigration กลับเข้าไปเราก็แวะที่เคาเตอร์สายการบินขอคูปองสำหรับเด็กเล็กเพื่อผ่าน Fast Track ฮะ เด็กเล็กแบบเตอร์สามารถพาคนอื่นผ่านไปด้วยได้อีก 3 คน ก็ครบ 4 คนบ้านตั้นพอดี จากที่สอบถามถึงจะบิน Business ก็ไม่มีคูปองนี้นะฮะ ต้องไปเข้าแถวปกติ ทางสนามบินเค้าให้เฉพาะเด็กเล็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ
ผ่าน Immigration เข้ามาแล้ว เครื่องเรามีกำหนดออกประมาณ 2 ทุ่ม แต่ไม่รู้ว่าจะออกเมื่อไร แถมเราเผื่อเวลามาสนามบินเร็วด้วย เราเลยเดินเล่น เดินชิวถ่ายรูปในสนามบินก่อนที่จะไปเลาจน์
มีตู้ให้ถ่ายรูปส่งเข้าอีเมลด้วย ว่างมากฮะ มีอะไรให้ทำทำหมด 555
เดินกันมาจนถึงหน้าเลาจน์ของสายการบิน Asiana เตอเตอร์เห็น ดั๊กๆ (เตอร์เรียกเป็ดแบบนี้) ก็วิ่งเข้าไปหา เลยได้ถ่ายรูปกันอีก
เลาจน์ของสายการบิน Asaina อยู่ที่แถวบริเวณ Gate 28 จากทางเข้าก็ขึ้นลิฟท์ หรือขึ้นบันไดเลื่อนไปได้เลยฮ
ขึ้นมาจะเจอกับเครื่องบินลำใหญ่ๆแบบนี้ ตั้นรีบวิ่งเข้าไปทันที
เลาจน์นี้จะเป็นเลาจน์สำหรับผู้โดยสารBusiness Class และบัตรทองของกลุ่ม Star Alliance และพวกบัตรต่างๆ ที่มีสิทธ์ใช้ได้ แต่อย่างวันนี้ทางเลาจน์ขึ้นป้ายไว้ว่าวันนี้คนเต็มขอตัดพวกสิทธิ์บัตรพิเศษต่างๆ ทั้งหมด ซึ่งก็พอเข้าใจได้ฮะ เพราะขนาดเลาจน์กว้างมากๆ จะหาที่นั่งยังหาไม่ได้เลยเนื่องจากเครื่องดีเลย์ทั้งสนามบิน ขนาดทางเดินในสนามบินยังมีคนนั่งๆ นอนๆ กันเต็มไปหมด
เลาจน์มีให้เลือกนั่ง 2 ฝั่งซึ่งจะมี ห้องน้ำ มีไลน์อาหารเครื่องดื่มที่เหมือนกัน
เลาจน์กว้างขวาง ที่นั่งเยอะดี
แต่ว่าวันนี้จำนวนผู้ใช้บริการเยอะมากๆ อาหารลงปั๊ปก็หมดทันที ตั้นเลยขอเก็บไว้รีวิวขากลับแล้วกันนะฮะ ยังไม่ได้จะรีวิวอะไรละเอียดบ้านเราเลยหาอะไรทานนิดหน่อย แล้วก็นั่งเล่นรอคิวอาบน้ำ
ที่แบกกระเป๋าเสื้อผ้ามาทั้งวันก็เพราะแพลนมาอาบน้ำที่เลาจน์นี่แหละฮะ ขึ้นเครื่องจะได้หลับสบายๆ
การจองคิวอาบน้ำสามารถทำได้โดยแจ้งกับเคาเตอร์ด้านหน้า ทางเคาเตอร์จะขอเก็บ Boarding pass ของเราไว้ แล้วให้เพจเจอร์แบบในภาพมา เมื่อถึงคิวของเราเพจเจอร์ก็จะดัง ให้เราไปรับกุญแจมาเปิดห้องอาบน้ำ ใช้ห้องอาบน้ำเสร็จก็เอากุญแจไปคืนแล้วรับ Boarding pass ของเราคืน
ระหว่างรอคิวอาบน้ำมีเด็กง่วงฮะ นั่งๆ อยู่ก็หลับไปเลย มี้แอบใจหายนิดนึงว่าพาเตอร์มาเหนื่อยรึเปล่าเนี่ย แต่เดี๋ยวดูรีวิวจบทุกตอนจะทราบว่าเตอร์น่าจะเป็นคนที่สนุกกับทริปนี้ที่สุดเลย 555
จับให้นอนสบายๆ นิดนึง พอเตอร์หลับแบบนี้มี้ก็กินอะไรได้สะดวกหน่อย
ถึงคิวเราอาบน้ำแล้วฮะ จริงๆ เราขอจองไว้สำหรับสี่คนแต่เราอยากใช้แค่สองห้อง เราเลยบอกพี่พนักงานว่าใช้สองห้องนี่แหละ แต่ขอผ้าเช็ดตัวเพิ่มแล้วกัน ซึ่งในห้องอาบน้ำก็จะมีพวกเครื่องใช้ต่างๆ เตรียมไว้ให้พร้อมอยู่แล้ว
อาบำเสร็จก็ไม่มีวี่แววว่าเครื่องจะขึ้นอยู่ดี ถึงตอนนั้นที่รู้ๆ คือ Boarding time เครื่องเราเลื่อนไปประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว
อย่าไปเครียดฮะ เรามาเที่ยวอยู่กันทั้งบ้านแบบนี้ เดินเล่น ถ่ายรูปวนไปเรื่อยๆ ใช้เวลากันให้คุ้มค่า ยังไงก็แพลนไปนอนที่ LA ก่อนบินต่อไปออลันโด้อยู่แล้ว เวลาเหลือเฟือ
Note: สำหรับคุณพ่อคุณแม่ แว่น Gentle Monster มีขายในสนามบินฮะ มีให้เลือกเยอะเลยมี้กับพ่อก็ไปจัดมาแล้ว รอเครื่องแล้วว่าง เสียตังค์จนได้ 555 ส่วนแว่นกันแดดเด็กๆ อย่าลืมพกแว่นกันแดดเด็กที่ดีที่สุดอย่าง Babiators ไปแล้วถ่ายรูปมากันบ้างนะฮะ
รอไปรอมาในที่สุดเราก็ได้ขึ้นเครื่องฮะ ดีเลย์จากกำหนดการไปประมาณ 40 นาที
เราจะบินกันด้วยเครื่องบินรุ่น A380 ซึ่งเป็นเครื่องบินแบบ 2 ชั้น โดย section ของ Business Class จะอยู่ที่ชั้น 2 ถึงจะทุลักทุเลไปบ้างเพราะประตูเครื่องที่ชั้น 2 เสีย (ท่อต่อจาก Gate เลยต่อไปที่ชั้น 2 ไม่ได้) เราเลยต้องเข้าที่ชั้น 1 แล้วแบกของขึ้นบันไดไป แล้วเวลาขาลงจากเครื่องทางสายการบินก็ปล่อยผู้โดยสารลงจากเครื่องพร้อมๆ กันหมด เราก็เลยต้องค่อยๆ แบกของลงบันไดแล้วค่อยๆ เดินออก ก็วุ่นวายนิดนึง แต่สบายมากฮะ มี้อุ้มเตอร์สะพายกระเป๋าผ้าอ้อม ตั้นเดินเอง พ่อถือของ เราก็ไปแบบนี้กันทั้งทริป
ไฟลท์นี้เราจะบินกันประมาณ 12 ชั่วโมงครึ่ง ตามที่มี้แพลนไว้คือเครื่องขึ้นเด็กๆ น่าจะหลับแล้วตื่นประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนเครื่องลง ซึ่งมี้ก็อุตส่าห์ดีใจได้ขึ้นเครื่อง เดี๋ยวก็คงได้ออกเพราะเด็กๆ เริ่มง่วงแล้ว
แต่พ่อหันมาให้กำลังใจว่าดูแบบนี้ไม่น่าได้ออก -_-‘ ซึ่งก็จริงฮะ พี่แอร์เดินมาบอกว่าเครื่องไม่รู้จะได้ออกกี่โมง ยังไงเดี๋ยวจะมาแจ้งให้ทราบอีกที
ว่างๆ อยู่เรามาสำรวจเครื่อง A380 ของ Asiana กันก่อนฮะ เก้าอี้จะค่อนข้างเหมือนกัน A380 ของการบินไทยที่เราคุ้นกัน ซึ่งบ้านตั้นว่าเก้าอี้แบบนี้นอนสบายดี เวลาปรับเป็นนอนก็จะราบ 180 องศา เก้าอี้จะจัดเป็นแบบ 1 2 1 และจะมีเคาเตอร์วางของของแต่ละที่ ใครพาเด็กๆ ไปอย่าลืมจองเก้าอี้แบบ Love seat (ที่นั่งแถวที่เคาเตอร์อยู่ด้านข้าง และเก้าอี้อยู่ติดกันแบบที่มี้นั่งกับตั้น) จะได้นั่งด้วยกันกับเด็กๆ
เครื่องยังไม่ขึ้นก็ถ่ายรูปวนไปเรื่อยๆ พี่แอร์ช่วยถ่ายให้
มาดูอุปกรณ์บนเครื่องกันบ้าง ช่องเสียบปลั๊ก ช่องเก็บของครบครัน
พี่ตั้นตื่นเต้นเสมอเมื่อได้ขึ้นเครื่องบิน ไม่ว่าจะไฟลท์ไหน สายการบินไหน
Amenities ที่ให้จะเป็นของ L’Occitane ส่วนผ้าห่มก็จะเป็นผ้านวมแบบบาง ซึ่งก็จะนุ่มกว่าผ้าอีกแบบในไฟลท์ที่บินมาจากกรุงเทพ ในห้องน้ำก็จะมีเครื่องใช้อื่นๆ วางไว้ให้เพิ่มเติมอีก
ผ้าห่มผืนโปรดตัวช่วยให้เตอร์นอนหลับบนเครื่อง มี้ห้ามลืมเด็ดขาด
เครื่องยังไม่ขึ้นพี่แอร์ยังไม่ได้เอาของเล่นมาให้ มี้เลยเอาของเล่นที่เตรียมไว้ออกมาให้เล่นแก้เบื่อ
อย่างที่เคยเล่าไว้นะฮะจัดกระเป๋าขึ้นเครื่องตุ๊กตาหรือผ้าห่มตัวโปรด ของเล่นแบบไม่มีเสียงอันใหม่ หรืออันที่ไม่ได้เล่นนานแล้ว เผื่อที่กระเป๋าไว้สำหรับของพวกนี้ด้วย
ไฟลท์นี้จะเสิร์ฟมื้อแรกเป็นอาหารเย็น ซึ่งจะเสิร์ฟตอนเครื่องขึ้น และมื้อที่สองเป็นอาหารเช้าที่จะเสิร์ฟ ประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนเครื่องลง หรือถ้าเราขอก่อนก็พอบอกกันได้ ทั้งสองมื้อจะมีให้เราเลือกทั้งอาหารฝรั่งและอาหารเกาหลี ส่วนเครื่องดื่มก็จะมีครบถ้วนตามมาตรฐาน Business Class ทั่วไป ถือว่าโอเคเลย บริการก็ดี
แป๊ปนึงพี่แอร์ก็เอาของเล่นมาให้ตั้นกับเตอร์ เป็นตัวต่อแบบกระดาษเหมือนไฟลท์จากกรุงเทพ แต่เป็นคนละลายกัน
ครึ่งชั่วโมงบนเครื่องผ่านไป เครื่องยังไม่ออกแต่ 2 หนุ่มของมี้หลับไปเรียบร้อยแล้ว 555 แบบนี้แปลว่าเดี๋ยวต้องตื่นก่อนเครื่องลงหลายชั่วโมงแน่ๆ มี้เห็นแบบนี้เลยรีบพยายามนอนบ้าง เรื่องกะเวลาเด็กๆ นอนนี่อาจจะต้องสังเกตพฤติกรรมปกติของเด็กแต่ละคน แล้วลองคำนวณเวลานิดนึงนะฮะ อย่างตั้นอยู่เมืองไทยนอนทุ่มกว่า ก็จะประมาณ 3 ทุ่มที่เกาหลี แล้วปกติตั้นจะหลับยาวประมาณ 11 ชั่วโมง ก็จะพอดีๆ กับเวลาไฟลท์พอดี
ในขณะที่มี้หลับไป พ่อก็เอนจอยกับเครื่องดื่มไปเรื่อยๆ รอเครื่องขึ้น เห็นบอกว่าสรุปแล้วเรานั่งรออยู่บนเครื่องชั่วโมงนึงกว่าเครื่องจะเทคออฟ
พอเครื่องขึ้นสัญญาณรัดเข็มขัดดับ ปรับให้เด็กๆ นอนได้แป๊ปนึง มี้ก็นอนต่อ ส่วนพ่อก็มีพี่แอร์มาปูโต๊ะให้เตรียมทานอาหาร
พ่อเลือกอาหารไว้เป็นแบบเกาหลี ออเดิร์ฟตามเมนูเป็น Calamari Salad with Mustard Sauce ไม่แน่ใจว่าพ่อเข้าใจผิดหรือยังไงรึเปล่า แต่ที่เสิร์ฟมาเป็นผักคล้ายๆ ผักดองราดซอส
จานที่ 2 เป็นเต้าหู้ราดซอส
จานหลักเป็นบะหมี่เย็น 3 แบบกับเนื้ออบแบบดั้งเดิมของเกาหลี จานนี้พ่อบอกว่าอร่อยดี ชอบตรงที่เป็นอาหารเกาหลีที่เราอาจจะไม่เคยลองทาน ใครบินแล้วเจอเมนูนี้ลองเลือกสั่งกันดูนะฮะ
ของหวานจานแรก มาแบบกระจุ๋มกระจิ๋ม ตัวมันหวานอร่อยดี
ตามมาด้วยผลไม้
และตบท้ายด้วยชาร้อนหลังจากนั้นเราก็หลับไปกันประมาณ 9 ชั่วโมง
ตั้นตื่นมาก็กวนพี่แอร์ ขออาหารก่อนเลยพี่แอร์มาปูโต๊ะให้แล้วเริ่มเสิร์ฟอาหาร ตอนนั้นเหลืออีกเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนเครื่องจะลง
มาดูอาหารมื้อที่สองของผู้ใหญ่กันก่อนฮะ จานแรกของพ่อเป็น Jamon กับผัก
จานหลักเป็นสปาเก็ตตี้กับทรัฟเฟิล (Black Truffle)
ของหวานเป็น Earl Grey Mousse ราด Lemon ซอส
อาหารเด็กที่จองไว้ ได้มาเป็นแบบนี้ฮะ น่าจะมาจากของมื้อแรก
ของตั้นเป็นกุ้งย่างกับกราแตงมันฝรั่ง
ไข่ห่อข้าวผัดและไส้กรอก
ทานกันไปได้ซักแป๊ป เตอร์ก็เริ่มขยับตัวทำท่าจะตื่น
ตื่นแล้วฮะ หน้ามู่ทู่เชียว
บินมาเรื่อยๆ ตัวมี้ก็เริ่ม งง งง เวลาแล้ว 55 แต่ไหนๆ ตื่นมาแล้วก็กินแล้วกันนะลูก
ตั้นใส่หูฟัง ขอดูจอไปกินข้าวไป บินแบบนี้มี้เลยปล่อยเลยตามเลยบ้าง
ถ่ายรูปกันหน่อย ใกล้ถึงอเมริกามากแล้ว
อาหารเด็กมื้อนี้เป็นซุปผักโขม
ทำท่าเหมือนต่อรองเป็น ท่าทางจะชอบซุป ขอทานต่อเรื่อยๆ เลย
หน้าตาแสบขนาดนี้ ทริปนี้มี้เหนื่อยแน่นอน
จริงๆ เลี้ยงไม่ยากนะฮะ ขอมีของกินให้ถือ แล้วเตอร์จะไม่มีปากเสียงใดๆ 55
ได้เวลาเครื่องลงเราก็เก็บข้าวของเตรียมเข้าอเมริกากันแล้ว กรอกใบเข้าประเทศเรียบร้อย
ส่วนเรื่องข้าวของที่เอาเข้าก็ตามกฎหมายประเทศเค้าเลยฮะ ห้ามเอาผลิตภัณฑ์อะไรที่เกี่ยวกับหมูเข้า ห้ามเอาพวกผัก ผลไม้ และเนื้อสดต่างๆ เข้า อะไรไม่ชัวร์ก็กรอกไปในช่องมีของต้อง Declare อย่างบ้านตั้นมีของกินเล่น ขนม มะขามแห้งของเด็กๆ เราก็ Declare ไป เค้าถามก็ตอบ แต่ก็ไม่ได้ขอดูอะไร แนะนำว่าอย่าเสี่ยงฮะ มีอะไรก็บอกเค้าไป
ใครที่วีซ่าในพาสปอร์ตเล่มเก่า อย่าลืมถือมาด้วยนะฮะ ชื่อต้องตรงกับเล่มใหม่ด้วย
ผ่านกระบวนการทั้งหมดเข้าอเมริกามาได้แล้วเราก็ลงมาต่อแถวขึ้นรถ shuttle bus ของโรงแรม ไปที่โรงแรม Hilton LAX ที่เราจะนอนกันคืนนึง ก่อนที่พรุ่งนี้เช้าจะบินต่อไปออลันโด้
เราเลือกนอนแถวๆสนามบินเพราะจะได้มาบินต่อง่ายๆ ฮะ
เรามาเชคอินกันที่โรงแรมประมาณ 4 โมงเย็น เก็บข้าวของแล้วก็เตรียมออกไปหาข้าวเย็นทานที่ห้างใกล้ๆ โรงแรม มาเจอรถไฟตกแต่งช่วงคริสมาสต์ใน lobby โรงแรมเลยให้เวลาเด็กๆ ยืนดูกันอยู่นานพอสมควร
มี้หันหลังไปแป๊ปเดียว เตอร์ปีนบันไดขึ้นไปแล้ว ทำไมลูกชายสองคนต่างกันขนาดนี้ พี่ตั้นตอนเด็กๆ นี่วางตรงไหนก็อยู่ตรงนั้นเลยนะ 555
เรามาทานข้าวเย็นกับเดินเล่นกันที่ห้าง Westfield Culver City ฮะ มาถึงเจอร้าน Build a Bear Workshop ตั้นก็ขอแวะเข้าไปดูซักหน่อย
มีเด็กสนใจกระบวนการทำตุ๊กตามากๆ
อุ้มไปอุ้มมา สุดท้ายมี้ก็ใจอ่อน ให้จัดกันไปคนละตัว ต้องอุ้มกันไปอีก 16 วัน T___T 555 กินข้าวเสร็จเราก็กลับโรงแรมนอนกันแล้ว เราแค่หาอะไรง่ายๆ ทานที่ห้าง แล้วก็เข้า Super ซื้อผักผลไม้ให้เด็กๆ ยังไงเดี๋ยวตอนต่อไปบินไปออลันโด้ไป Disney World ด้วยกันนะฮะ