ต่อจากตอนที่ 2 ที่เราดั้นด้นบินกันมาจนถึงแอลเอในลิ้งค์นี้ฮะ
https://babytravelbyalton.com/2018/01/17/usa-trip-2-asiana-flight-incheon-lax/
หลังจากไปเดินห้างเสร็จเราก็กลับมาที่โรงแรม กว่าเด็กๆ จะหลับกันก็ประมาณ 3-4 ทุ่ม คงเพราะนอนบนเครื่องบินมาด้วย ซึ่งตอนแรกมี้ก็นึกว่ากว่าจะตื่นคงประมาณ 7 โมงเช้า ซึ่งก็จะมีเวลาเหลือเฟือเพราะเราจะบินต่อไปออลันโด้กันตอน 10 โมงครึ่ง แถมโรงแรมก็อยู่ใกล้ๆ สนามบินด้วย
แต่ปรากฏว่าไม่เป็นอย่างที่คิดฮะ ตี่สี่กว่าๆ เตอเตอร์เริ่มก่อนเลย ตื่นมาเรียกมี้ๆ เรียกไปเรียกมาตั้นตื่นด้วย T__T สรุปว่าตื่นกันทั้งบ้าน แถมเด็กๆ หิวด้วย หันไปถามพ่อว่าตอนนี้เมืองไทยกี่โมง พ่อบอกว่าประมาณทุ่มกว่าๆ ก็เลยไม่แปลกใจ เลยเอาผลไม้ที่ซื้อมาตุนไว้ให้กิน
กินผลไม้กันเสร็จตอนตีห้ากว่าๆ เราก็แต่งตัวอาบน้ำ เก็บข้าวของ แล้วตั้งใจจะลงไปทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารตอนหกโมงเช้า แต่ปรากฎว่าที่ Hilton สาขานี้เค้าให้สิทธิ์ทานข้าวเช้าของสมาชิกบัตรทองที่เลาจน์ของโรงแรมเท่านั้น (ไม่ได้จองห้องแบบมีอาหารเช้า) ถ้าจะทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารต้องเสียเงินเพิ่ม เราเลยเปลี่ยนใจกลับขึ้นไปกินที่เลาจน์กัน
หกโมงเช้าที่เลาจน์ก็เริ่มมีแขกที่มาพัก ขึ้นมาทานข้าวเช้ากันแล้ว
เลาจน์ที่นี่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่มีทีเด็ดตรงวิวฮะ เดี๋ยวเริ่มสว่างแล้วเรามาดูกัน
อาหารไม่ได้เยอะมาก แต่ก็พอมีอะไรให้เด็กๆ ทาน จริงๆ มีไลน์ขนมปังด้วยแต่เหมือนพ่อจะถ่ายรูปมาให้ไม่ครบฮะ
กว่าจะได้โผล่ออกมาในรีวิวก็เกือบจะ 10 รูปแล้ว 555 ตั้นขอน้ำแอปเปิ้ลนะฮะ
เครื่องกด ชา กาแฟ พร้อมแก้วแบบ To Go ให้ถือกลับไปได้ ตั้นไปทริปนี้เหมือนหลายๆ โรงแรมจะมีแก้วแบบนี้วางไว้ให้เวลาไปทานอาหารเช้า
เตอร์ขอคว้าขนมปังก่อนเลย แถมทำท่าจะเดินกินรอบเลาจน์ด้วย โชคดีที่ผ้ากันเเปื้อนมีช่องสำหรับเศษอาหารตก กัดแล้วเศษขนมปังตกลงไป เผลอๆ เตอร์ก็คว้าขนมปังในที่รองขึ้นมากินต่อ
ดีฮะ -_-‘ รู้สึกรักผ้ากันเปื้อนขึ้นไปอีกเยอะเลย
เห็นแขกคนอื่นเค้านั่งดูทีวี พอเค้าเดินออกไปเตอร์เลยเดินไปปีนโซฟาขึ้นไปนั่งทำท่าดูทีวีบ้าง T__T แสบจริงๆ สุดท้ายโดนพ่อกับมี้รวบกลับมาฮะ เตอร์ยังไม่ถึงวัยดูทีวี
ตั้นกำลังเอนจอยกับอาหารเช้า ประสบการณ์ใหม่ฮะ เพิ่งเคยได้ทานครีมชีสครั้งแรก (มั้งนะ เท่าที่มี้พอจำได้) หลังจากนี้เลยติดใจ ขอทานแทบทุกเช้าเลย
ฟ้าเริ่มสว่างแล้วเด็กๆ หันไปเห็นหน้าต่างก็รีบวิ่งไปดูเลย
วิวจากที่เลาจน์จะเห็นรันเวย์สนามบินแอลเอชัดเจน สองหนุ่มเลยไปยืนเฝ้าดูวิวอยู่นานพอสมควร ตั้นเนี่ยชอบเครื่องบินอยู่แล้ว ส่วนเตอร์อาจจะเห็นพี่ดูเลยดูบ้าง หรือไม่แน่อาจจะเริ่มชอบ แต่ก็ดีฮะ การมาเที่ยวของบ้านเราก็ตั้งใจมาหาประสบการณ์อยู่แล้ว
พ่อเลยไปยืนชี้ๆ อธิบายสองเด็กว่ารถแบบไหนคืออะไร เครื่องบินขึ้นลงยังไง
กินข้าวเช้ากันเสร็จเราก็กลับห้องมาแพคกระเป๋าเตรียมไปสนามบินกัน เราจะบินต่อไปออลันโด้ตอนสิบโมงครึ่ง
ระหว่างที่มี้เก็บของ ตั้นก็ช่วยเอนเตอร์เทนเตอร์ไปเรื่อยๆ
วางแอปเปิ้ลลงแล้วคุยกับพี่ตั้นก่อนมั้ย?
ไปฮะ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว ถือกระเป๋าตัวเองแล้วช่วยดูน้องด้วย
เดี๋ยวเราจะไปสนามบินกันด้วย Shuttle Bus ฟรีของทางโรงแรมฮะ ใครบินสายการบินไหน เชคเทอมินัลกันดีๆ นะฮะ ที่นี่มีหลายตึกมากๆ อย่างของบ้านตั้นบิน United Airline
วันนี้วันที่ 24 ธันวา พรุ่งนี้ก็คริสมาสต์แล้วมี้เลยขอถ่ายกับต้นคริสมาสต์เป็นที่ระลึกบ้าง
เตอร์จะดึงของตกแต่งของเค้าให้ได้ พี่ตั้นต้องคอยห้าม เหมือนจะเข้าใจว่ามันคือลูกบอล
เด็กๆ ขอแวะมาดูรถไฟกันอีกทีก่อนบ๊าย บาย โรงแรมนี้
เชคเอาท์เรียบร้อย อย่างรวดเร็ว สะดวกมาก ไปขึ้นเครื่องกันดีกว่า
บนรถ shuttle มีที่วางกระเป๋าสะดวกดี พ่อเลยมือว่างมาถ่ายรูปให้มี้ได้
การจะได้รูปลูกสองคนมองกล้องพร้อมกันนี่มันยากจริงๆ 555
ไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงสนามบินแล้ว รถเข็นกระเป๋าที่นี่ต้องเสียเงินค่าใช้ด้วยนะฮะ วันนี้เรายังของไม่เยอะเลยไม่ได้ใช้บริการ
เชคอินได้บอร์ดดิ้งพาส แล้วก็ผ่าน Security เข้ามาแล้ว ตรวจกระติกน้ำเด็กๆ ละเอียดเลย แต่ก็ดีฮะ เพื่อความปลอดภัย เราก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แค่ยืนรอ เวลาเราเหลือเฟือเลยฮะ อีกเกือบสองชั่วโมงกว่าเครื่องจะขึ้น ระหว่างทางเดินไป Gate เจอแสตนดี้ให้ถ่ายรูปเลยแวะถ่ายซักนิด
ขอพี่ตั้นกับมี้ถ่ายบ้าง
แวะดูเครื่องบินกันอีกแล้ว มี้ก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าคุยอะไรกัน
เครื่อง boarding ตรงเวลาฮะ เราจะบินไปออลันโด้กับสายการบิน United Airline เก้าอี้แบบที่จองนี่เรียกว่าชั้น First Class แต่จะไม่ใช่ First Class แบบที่เราคุ้นเคยกันแถวเอเชียนะฮะ เก้าอี้จะคล้ายๆ Premium Economy เอนได้นิดนึง แต่จะกว้างกว่าเก้าอี้ของ Economy
เก้าอี้จัดเป็นแบบ 2 2 ตั้นขอดูวิวริมหน้าต่าง เตอร์นั่งตักมี้ ส่วนพ่อมีทางเดินคั่น
เครื่องขึ้นแล้วฮะ ตรงเวลาเป๊ะเลย เราจะบินกันอีก 4 ชั่วโมงครึ่ง ไปที่ออลันโด้ ซึ่งจะไปถึงออลันโด้ตอนเย็นเพราะออลันโด้ เวลาเร็วกว่าแอลเออยู่ 3 ชั่วโมง คือเราจะไปถึงที่โน่นตอนประมาณ หกโมงเย็น
เรียบร้อย 11 โมงอเมริกา คือตี 2 เมืองไทย หลับกันหมดตามคาด (มี้ก็หลับ 55) แต่ก็ดีแล้วที่หลับ ถ้าตื่นกันสี่ชั่วโมงครึ่งมี้คงไม่ไหว เก้าอี้เครื่องบินเค้าเอนได้แค่ตามภาพเลยนะฮะ
พ่อรับหน้าที่รีวิวและถ่ายรูปต่อฮะ เครื่องขึ้นได้แป๊ปนึงคุณสจ๊วตก็มาเสิร์ฟเครื่องดื่ม (มีพวกแอลกอฮอล์ด้วย) และถั่ว
อาหารที่เสิร์ฟจะเป็นแบบในภาพฮะ จานหลักของพ่อเป็นเบอเกอร์เนื้อกับเค๊กชอคโกแลต
ของมี้ที่พ่อเลือกมาให้เป็น Fish and Chips
บนไฟลท์จะมี Wifi ให้ใช้ด้วยฮะ อย่างที่พ่อตั้นซื้อคือใช้ทั้งไฟลท์จะตกประมาณ 200 กว่าบาท มี้หลับๆ ตื่นๆ มีตื่นมากินข้าว ส่วนเด็กๆ หลับยาวตื่นอีกทีตอนเครื่องจะลงเลย
ก่อนเครื่องลงมีของที่ระลึกมาแจกเด็กๆ เป็นเข็มนักบิน (พลาสติก) แต่ขาบินกลับมาแอลเอไม่ได้นะฮะ
ลงจากเครื่อง ยืดเส้น ยืดสาย รับกระเป๋าแล้วเราก็ลงมาชั้นล่างสุดของอาคารมาที่เคาเตอร์ Disney Magical Express ที่เป็น Shuttle Bus บริการฟรีสำหรับแขกที่พักโรงแรมของดิสนีย์ ใครจะใช้บริการต้องทำการจองมาก่อนนะฮะ สามารถดูรายละเอียดได้ที่
https://disneyworld.disney.go.com/guest-services/magical-express/
เชคอินขึ้นรถ shuttle เสร็จก็เดินมาต่อแถวรอเรียกขึ้นรถคันที่จะวิ่งผ่านโรงแรมที่เราจอง
รออยู่แป๊ปนึงก็ได้ขึ้นรถแล้ว กระเป๋าใหญ่ใส่ใต้ท้องรถ เค้าจะจัดแยกกระเป๋าตามโรงแรมที่เราพัก ส่วนเราก็ถือขึ้นมาแต่ใบเล็กที่มีของมีค่า
เด็กๆ นั่งรถบัสไม่ต้องใช้ Car Seat นะฮะ แต่มี้ก็พก Mi Fold มาเผื่อตั้นด้วย เผื่อต้องเรียก taxi จะได้หา taxi ที่มี car seat แค่อันเดียวพอสำหรับเตอร์
ระหว่างรอรถออก กับระหว่างรถวิ่งส่งแขกตามโรงแรมต่างๆ ก็จะมีทีวีในรถให้ดูเกี่ยวกับความปลอดภัยในสวนสนุก มี quiz ถามเด็กๆ ให้เล่นกันแก้เบื่อ รวมนั่งรอในรถก่อนรถออกกับวนส่งแขกโรงแรมอื่นด้วย ประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็มาถึงโรงแรมที่เราจองไว้
ถึงแล้ว!! Disney Art of Animation Resort โรงแรมที่พ่อเลือกจองเพราะดูเหมือนจะมีตัวการ์ตูนให้เด็กๆ ดูเยอะดี
ซึ่งก็เยอะสมใจจริงๆ แค่ที่ล็อบบี้เตอร์ก็วิ่งดูรอบแล้ว เดี๋ยวไว้ตั้นพาทัวร์ในโรงแรมอีกทีนะฮะ
เชคอินแล้วเราจะได้ Magic Band มาคนละอันสำหรับการใช้ชีวิตใน Disney Resort ตลอด 7 วัน 6 คืนที่เราจะพักที่นี่ ทุกอันจะมีชื่อของแต่ละคนตามสีที่เราเลือกไว้
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับ WDW (Walt Disney Resort) และ Magic Band สามารถอ่านได้ที่ลิ้งค์นี้ฮะ
https://babytravelbyalton.com/2018/01/15/walt-disney-world-part-1-รายละเอียดสวนสนุก/
เชคอินเสร็จก็ได้เวลาไปที่ห้องพักของเราฮะ ห้องที่เราจองไว้คือห้องแบบ The Little Mermaid จริงๆ อยากจองแบบ Lion King กับ Car ที่สองหนุ่มน่าจะชอบมากกว่า แต่ ณ วันที่จอง (ล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน) ห้อง Theme พวกนั้นเหลือแต่ห้องแบบพัก 6 คน พ่อเลยรีบจองห้องแบบ Mermaid นี่เลย เพราะกลัวไม่ได้นอนโรงแรมนี้
ซึ่งก็ค่อนข้างผิดพลาดฮะ เพราะตึกที่ห้องพักเราอยู่ไกลมาก ถึงมากที่สุด เดินจาก lobby ไปหลายร้อยเมตรเลย แล้วต้องเดินไปกลับทุกวัน -_-‘ ยังไงไว้เดี๋ยวมาลงรายละเอียดโรงแรมให้ดูกันอีกทีนะฮะ เผื่อใครสนใจมาพักที่นี่
ไม่เป็นไรฮะ เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึง มาดูห้องพักเรากันดีกว่า อ้าว เอ๊ะ ทำไมมีอะไรแขวนอยู่หน้าห้องด้วย ลองเอา Magic Band เปิดประตูเข้าไปดูกัน
เข้ามายิ่งตกใจฮะ ทำไมของ Merry Christmas เต็มเลย มีชื่อเด็กๆ ด้วย มี้หันไปมองพ่อก็ทำหน้ายิ้มๆ ส่วนเด็กๆ ตื่นเต้นกันใหญ่ ปรากฏว่ามันเป็น Add on ของการจองห้องโรงแรมใน Disney และโรงแรมใกล้เคียงฮะ เค้าจะมาแต่งห้องให้เราแบบในภาพ ใครสนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่
http://disneyworld.disneyfloralandgifts.com/category/in-room+celebrations.do
Set คริสมาสต์ที่พ่อเลือกก็จะมีแบบในภาพเลย ยกเว้นผ้าเช็ดตัวผืนตรงกลางชื่อตั้น อันนั้นสั่งเพิ่มฮะ
คริสมาสต์อีฟ ในห้องของครอบครัวเราฮะ
สามารถกดดูรายละเอียดของ In room Celebration ได้ในแต่ละรูปเลยนะฮะ ตัว Add on เค้าให้เราเอากลับได้ทุกอย่าง
มีเด็กตื่นเต้นมาก
ตื่นเต้นกันเสร็จก็ได้เวลาสำรวจห้องพัก ห้องพักจะไม่ได้ใหม่มากเท่าไร ขนาดก็จะพอประมาณฮะ ตั้นไม่ได้ชอบ Mermaid เป็นพิเศษ (แหงละฮะ) ส่วนเตอร์มีตื่นเต้นกับฟิช ฟิช บ้าง
เก็บข้างของเสร็จปรากฎว่าหิวฮะ 555 เวลาประเทศไหนกี่โมงไม่รู้แล้ว เราเลยเดินกลับมาแถวล๊อบบี้มาหาอะไรทานกัน
มื้อแรกของบ้านตั้นที่ดิสนีย์ฮะ ใช้ Credit ของ Dining Plan ที่เราซื้อไว้ ไม่ได้เสียเงินเพิ่ม
ทานเสร็จก็ได้เวลาไปนอนพักผ่อนเอาแรงแล้ว เราจะอยู่ที่นี่กัน 6 คืน เที่ยวสวนสนุก 5 วัน (เที่ยว Magic Kindom ซ้ำสองวัน) รีวิวหน้าพบกันใหม่ฮะ
หมวดหมู่:สายการบิน, อเมริกา, ไม่มีหมวดหมู่